ก็คิดว่าดีเหมือนกันครับ ถ้าหาก องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเหล่านั้น มีเงินเย็น ที่ฝากธนาคารกินดอกเบี้ยแบบไม่มีภาระต้องไปใช้จ่ายอะไร
ก็เอามาฝากกองทุนช่วยชาวนาไป ดอกเบี้ยก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน (ถ้าฝากออมทรัพย์ แต่ก็สงสัยว่า ถ้าเป็นเงินเย็นเจี๊ยบขนาดนั้น ทำไมไม่ฝากประจำ ก็จะได้ดอกเบี้ยสูงกว่า)
แต่ยอดที่คาดไว้ว่า จะได้เงินเป็นหมื่นล้าน จาก อปท.ทั้งประเทศ เจ็ดพันกว่าแห่ง ก็หมายความว่าแต่ละแห่ง ต้องมีเงินมาฝากเฉลี่ยมากกว่า หนึ่งล้านบาท
ปกติแล้ว เงินสะสมที่ อปท.ต่าง ๆ มีไว้ ก็เป็นเงินที่สำรองไว้ เผื่อตอนฉุกเฉินบ้าง เป็นเงินที่ได้รับจัดสรรมา แต่ยังไม่ถึงเวลาจ่ายบ้าง ก็นำไปฝากธนาคารไว้ก่อน
ทีนี้ถ้าเกิดว่า อปท.ส่วนใหญ่ มีเงินเหลือใช้เป็นหลักล้าน แล้วไม่มีภาระที่ต้องใช้ในอนาคตอันไม่ใกล้มาก (ประมาณครึ่งปี)
ก็คงต้องตั้งคำถามว่า เงินพวกนี้เหลือจริงหรือโดนหักคอให้เอามา
ถ้าเหลือจริง ก็คงต้องทบทวนการจัดสรรงบประมาณใหม่
เพราะมันคงไม่ค่อยถูกต้องนัก ถ้าหากว่า การจัดสรรงบประมาณ ที่รัฐบาลต้องไปกู้ยืมมา (ดอกเบี้ยเท่าไหร่ไม่รู้ แต่คิดว่าไม่ต่ำกว่า 3%) แล้วให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เอาไปฝากธนาคารกินดอกเบี้ย ไม่ถึง 1%
แล้วมันมีประโยชน์อะไร สู้ไม่ต้องกู้ ไม่ต้องฝาก ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยส่วนต่างนี้
แต่ถ้าไม่เหลือจริง เป็นเพียงเงินที่ต้องจ่ายในอนาคตอันใกล้ ถ้าแบบนี้ ก็น่าจะกระทบกับการบริหารของอปท.เหล่านั้น
ไม่รู้ว่า ประเด็นนี้ ใครเป็นคนต้นคิด จะเอาเงิน อปท.มาช่วยฝากกองทุนช่วยชาวนา
ทั้ง ๆ ที่เงินเพิ่มอีกหมื่นล้านนั้น ไม่พอจ่ายอยู่แล้ว เพราะตอนนี้เป็นหนี้ชาวนาแสนกว่าล้านบาท
แต่พอทำแบบนี้ น่าจะกระทบต่อสภาพคล่องของ อปท.ต่าง ๆ พอสมควร
แทนที่ อปท.เหล่านั้น จะมีเงินไปพัฒนาท้องถิ่น กลับต้องเอาเงินก้อนนั้น มาช่วยรัฐบาลก่อน
แหล่งเงินต่อไปที่จะเอามาจ่ายค่าข้าว
ก็คิดว่าดีเหมือนกันครับ ถ้าหาก องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเหล่านั้น มีเงินเย็น ที่ฝากธนาคารกินดอกเบี้ยแบบไม่มีภาระต้องไปใช้จ่ายอะไร
ก็เอามาฝากกองทุนช่วยชาวนาไป ดอกเบี้ยก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน (ถ้าฝากออมทรัพย์ แต่ก็สงสัยว่า ถ้าเป็นเงินเย็นเจี๊ยบขนาดนั้น ทำไมไม่ฝากประจำ ก็จะได้ดอกเบี้ยสูงกว่า)
แต่ยอดที่คาดไว้ว่า จะได้เงินเป็นหมื่นล้าน จาก อปท.ทั้งประเทศ เจ็ดพันกว่าแห่ง ก็หมายความว่าแต่ละแห่ง ต้องมีเงินมาฝากเฉลี่ยมากกว่า หนึ่งล้านบาท
ปกติแล้ว เงินสะสมที่ อปท.ต่าง ๆ มีไว้ ก็เป็นเงินที่สำรองไว้ เผื่อตอนฉุกเฉินบ้าง เป็นเงินที่ได้รับจัดสรรมา แต่ยังไม่ถึงเวลาจ่ายบ้าง ก็นำไปฝากธนาคารไว้ก่อน
ทีนี้ถ้าเกิดว่า อปท.ส่วนใหญ่ มีเงินเหลือใช้เป็นหลักล้าน แล้วไม่มีภาระที่ต้องใช้ในอนาคตอันไม่ใกล้มาก (ประมาณครึ่งปี)
ก็คงต้องตั้งคำถามว่า เงินพวกนี้เหลือจริงหรือโดนหักคอให้เอามา
ถ้าเหลือจริง ก็คงต้องทบทวนการจัดสรรงบประมาณใหม่
เพราะมันคงไม่ค่อยถูกต้องนัก ถ้าหากว่า การจัดสรรงบประมาณ ที่รัฐบาลต้องไปกู้ยืมมา (ดอกเบี้ยเท่าไหร่ไม่รู้ แต่คิดว่าไม่ต่ำกว่า 3%) แล้วให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เอาไปฝากธนาคารกินดอกเบี้ย ไม่ถึง 1%
แล้วมันมีประโยชน์อะไร สู้ไม่ต้องกู้ ไม่ต้องฝาก ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยส่วนต่างนี้
แต่ถ้าไม่เหลือจริง เป็นเพียงเงินที่ต้องจ่ายในอนาคตอันใกล้ ถ้าแบบนี้ ก็น่าจะกระทบกับการบริหารของอปท.เหล่านั้น
ไม่รู้ว่า ประเด็นนี้ ใครเป็นคนต้นคิด จะเอาเงิน อปท.มาช่วยฝากกองทุนช่วยชาวนา
ทั้ง ๆ ที่เงินเพิ่มอีกหมื่นล้านนั้น ไม่พอจ่ายอยู่แล้ว เพราะตอนนี้เป็นหนี้ชาวนาแสนกว่าล้านบาท
แต่พอทำแบบนี้ น่าจะกระทบต่อสภาพคล่องของ อปท.ต่าง ๆ พอสมควร
แทนที่ อปท.เหล่านั้น จะมีเงินไปพัฒนาท้องถิ่น กลับต้องเอาเงินก้อนนั้น มาช่วยรัฐบาลก่อน